- ราคาทองคำพุ่งทำจุดสูงสุดใหม่ที่ $2,070 อันเป็นผลมาความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในปี 2024 ซึ่งมีข้อมูลความเป็นไปได้กว่า 60%
- ข้อมูลการชะลอตัวลงของตลาดงานสหรัฐที่ออกมา โดยมีตำแหน่งงานว่างในเดือนตุลาคมอยู่ที่ 8.73 ล้านตำแหน่ง ซึ่งจะสัมพันธ์กับข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะมีผลต่อราคาทองคำและแร่เงิน
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่าราคาทองคำเกิดการดีดตัวขึ้นอย่างรุนแรง โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ $2,070 อันเป็นผลมาจากแรงซื้อเพื่อเก็งกำไรจากความคาดหวังเกี่ยวกับแนวโน้มมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐที่น่าจะมีขึ้นในปี 2024 การดีดตัวขึ้นอย่างรุนแรงนี้ เกิดขึ้นพร้อมกับสัญญาณที่ดีขึ้นจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยที่เทรดเดอร์และนักลงทุนให้ความสำคัญ
มีความเป็นไปได้กว่า 60% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนมีนาคมของปีหน้า อ้างอิงจาก FedWatch Tool ของ CME โดยตลาดคาดว่าหากการลดอัตราดอกเบี้ยนั้นมีการเกิดขึ้นจริง จะส่งผลให้ทองคำที่แม้จะเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนเป็นศูนย์ แต่จะกลับมาน่าสนใจมากขึ้นเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่นอย่างพันธบัตรหรือเงินดอลลาร์
รายงานของกระทรวงแรงงานประจำสัปดาห์นี้ ได้เพิ่มน้ำหนักให้กับแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไปของตลาดแรงงาน โดยเผยให้เห็นการเปิดรับตำแหน่งงานที่ลดลงเหลือ 8.73 ล้านตำแหน่งในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021 ในขณะที่ทุกสายตา ณ ตอนนี้ได้ก็มุ่งไปที่ข้อมูลตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP) ของสหรัฐที่กำลังจะมีขึ้น โดบมีกำหนดเผยแพร่ในศุกร์วันที่ 8 ธันวาคม 2566 นี้ ข้อมูลนี้ถือเป็นปัจจัยชี้ขาดในการกำหนดทิศทางของราคาทองคำและแร่เงินในอนาคต
นักวิเคราะห์ต่างเฝ้ารอรายงาน NFP โดยคาดการณ์ว่าตัวเลขที่ออกมาจะยืนยันการชะลอตัวของตลาดการจ้างงานในสหรัฐฯ ตัวเลขคาดการณ์ของตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ +185,000 ตำแหน่ง โดยคาดว่าจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบหนึ่งปี ซึ่งทำให้ฉากทัศน์ในการชะลอตัวลงของตลาดแรงงาน โดยผลลัพธ์นี้จะสามารถตีความต่อท่าทีของ Federal Reserve ในปี 2024 ได้อีก ซึ่งอาจปูทางให้ทองคำแตะระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์หลังจากการประกาศ NFP