- ในเศรษฐศาสตร์ทั่วไป ราคาน้ำมันได้รับผลกระทบจากอุปสงค์และอุปทาน
- OPEC+ มีอิทธิพลต่อราคาน้ำมันโดยการควบคุมอุปทานน้ำมันในตลาดโลก
องค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) เป็นกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่กำหนดเป้าหมายการผลิตระหว่างประเทศสมาชิกเพื่อจัดการการผลิตน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน OPEC ประกอบด้วย 15 ประเทศสมาชิก รวมถึงซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิรัก เวเนซุเอลา ไนจีเรีย และเอกวาดอร์ โดยทั่วไปซาอุดีอาระเบียถือเป็นกลุ่มผู้นำ
ในฐานะกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน OPEC ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอย่างไม่ต้องสงสัย ประเทศสมาชิกโอเปกมีส่วนช่วยในการผลิตน้ำมันประมาณ 40% ของโลก แต่มีสัดส่วนน้ำมันที่ซื้อขายกันทั่วโลกสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ ระบุว่าการส่งออกน้ำมันของ OPEC คิดเป็น 60% ของปริมาณปิโตรเลียมที่ซื้อขายกันทั่วโลก การครอบงำน้ำมันที่มีการซื้อขายกันทั่วโลกของ OPEC เกิดจากการที่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันสองอันดับแรกของโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกาและรัสเซีย ใช้น้ำมันส่วนใหญ่ที่ผลิตได้ตามลำดับ
ในปี 2016 OPEC ดั้งเดิมอนุญาตให้ประเทศส่งออกน้ำมันรายใหญ่อื่นๆ ยอมรับได้ โดยสร้าง “OPEC Plus” หรือเรียกง่ายๆ ว่า “OPEC+” นักเศรษฐศาสตร์หลายคนมองว่า OPEC+ เป็นกลุ่มพันธมิตร ซึ่งหมายถึงกลุ่มผู้ผลิตที่สมรู้ร่วมคิดที่จะรักษาราคาให้อยู่ในระดับที่ต้องการ ในขณะเดียวกันก็ลดผลกระทบจากคู่แข่งให้เหลือน้อยที่สุด
ในเศรษฐศาสตร์ทั่วไป ราคาจะได้รับผลกระทบจากอุปสงค์และอุปทาน โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ เมื่ออุปสงค์สูงและอุปทานต่ำ ราคาก็จะเพิ่มขึ้น และในทางกลับกัน OPEC+ มีอิทธิพลต่อราคาน้ำมันโดยการควบคุมอุปทานน้ำมันในตลาดโลก แม้แต่การประกาศจาก OPEC+ เกี่ยวกับการลดหรือเพิ่มการผลิตก็อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน เนื่องจากการประกาศเหล่านี้จะส่งผลให้ประเทศอื่นกักตุนหรือบริโภคน้ำมัน ซึ่งจะทำให้ราคามีความผันผวน